ในปัจจุบันสถาณการณ์ทางการตลาดมีการเปลี่ยนแปลงทำให้กลยุทธ์ทางการตลาดบางอย่างไม่สามารถนำมาใช้ได้ผู้บริหารการตลาดจึงต้องใช้สมองมากขึ้นในการปรับกลยุทธ์มากขึ้น นอกจากนี้ผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงานที่มีราคาแพง สถานการณ์ทางการเมือง ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคหดหายทำให้นักการตลาดทุกค่ายจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์จากการทำการตลาดแบบกว้างมาเล็งเป้าหมายให้แคบลง โดยใช้เครื่องมือทางการตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง อย่างเช่นโดยให้พนักงานขายที่เข้าถึงลูกค้า และการขายผ่านสื่อเทคโนโลยีใหม่ๆ ฉะนั้นการจัดกิจกรรมทางการตลาดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ประกอบการ เพราะนอกจากจะเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นยอดขายหรือสร้างกระแสให้เกิดขึ้นและยังทำให้สินค้าหรือกิจกรรมที่จัดขึ้นได้รับการกล่าวถึง ให้เป็นที่สนใจและเป็นที่กล่าวขานกับทั้งกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งนี้การทำการตลาดเชิงกิจกรรมนับว่าเป็นภารกิจที่ท้าทายความสามารถของนักการตลาด ในการดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะเห็นว่ากิจกรรมทางการตลาดใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น สามารถสร้างความสนใจให้กับผู้บริโภคอีกด้วย ทำให้เกิดการแข่งขันกันมากขึ้น
การตลาดเชิงกิจกรรมเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ได้ผล ประกอบไปด้วย
– กิจกรรมที่เลือกจัด ต้องมีลักษณะสอดคล้องกับบุคลิกภาพของตราสินค้า
– ชื่อของกิจกรรมที่จัด ต้องมีชื่อของตราสินค้าร่วมอยู่ด้วย
– เครื่องหมายและสัญลักษณ์ของกิจกรรม ต้องมีโลโก้ของตราสินค้าร่วมอยู่ด้วย
– ต้องมีป้ายหรือโลโก้ของตราสินค้าในบริเวณงานอย่างทั่วถึง
– ควรมีสัญลักษณ์ประจำงาน เพื่อสร้างความสะดุดตา คึกคัก เป็นที่น่าสนใจ
– ควรเชิญสื่อมวลชนมาร่วมงานมากๆ
– ต้องมีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ อย่างเพียงพอ ทั้งก่อนและหลังการจัดกิจกรรม
– ควรเชิญผู้มีชื่อเสียงหรือผู้ที่สังคมส่วนใหญ่รู้จักมาร่วมกิจกรรมในงาน เช่น ดารา นักร้อง นักกีฬา ที่มีชื่อเสียง
– ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือการสื่อสารการตลาดอื่นๆ
ดังนั้น การทำการตลาดเชิงกิจกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุดไม่ใช่เพียงความเหมาะสมหรือสอดคล้องกับรสนิยมหรือความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น แต่ยังจะต้องเป็นกิจกรรมที่โดดเด่น และน่าสนใจด้วยที่สำคัญคือต้องเตรียมพนักงานผู้รับผิดชอบไปให้พร้อมและพอเพียง การตลาดเชิงกิจกรรมที่ดีจะต้องมีการประสานงานกันระหว่างฝ่ายการตลาดและฝ่ายประชาสัมพันธ์ โดยจะต้องวางขั้นตอนและกระบวนการของกิจกรรมก่อน